ช่วงหลังตลาดหนังสือหากไม่นับหนังสือสายหุ้น การลงทุน สารพัดเคล็ดลับการเทรดแล้ว อีกหนึ่งหนังสือที่น่าสนใจก็คือ หนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง บวกกับหนังสือเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตของตัวเองคนหนึ่งที่มาแรงมากในตอนนี้ก็คือ ฌอน บูรณะหิรัญ ที่เป็นทั้งโค้ชและนักสร้างแรงบันดาลใจในคนเดียวกัน เค้ามีหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า ศาสราวุธสู่จุดสูงสุดของชีวิต หนังสือเล่มนี้เป็นอย่างไร เราจะมารีวิวให้ฟัง หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับคนที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจ ที่จะพาตัวเองออกจากพื้นที่ปลอดภัย comfort zone เพื่อพาตัวเองก้าวไปข้างหน้าให้ได้ การจะก้าวออกไปได้นั้นบางครั้งก็ต้องการแรงผลักดันบางอย่างที่ชื่อว่า แรงบันดาลใจ หนังสือเล่มนี้จะให้กับเราได้ หนังสือแบ่งออกเป็น 4 ด้านก็คือ ด้านตัวตน ด้านสังคม ความสำเร็จ และ จิตวิญญาณ แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยลงไป รวมแล้วได้ทั้งหมด 51 หัวข้อตามชื่อหนังสือ โดยแต่ละหัวข้อจะเป็นเนื้อหาสั้นๆ อ่านง่าย อ่านเพลินได้เรื่อยจนจบ อ่านภาษาไทยแล้วมีงง หนังสือเล่มนี้เป็นแบบสองภาษา ทั้งแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สำหรับคนอ่านภาคภาษาไทยอาจจะงงได้เล็กน้อย เพราะว่าคนเขียนร่างจากภาษาอังกฤษก่อน แล้วแปลมาเป็นภาษาไทยอีกทีหนึ่ง ภาษาเลยงงสักหน่อย แต่ไม่ได้ทำให้ความหมายผิดเพี้ยนไปจากเดิมมากจนเสียภาพรวมแต่อย่างใด รายละเอียดแต่ละบท เพื่อให้เข้าใจหนังสือเล่มนี้ละเอียดยิ่งขึ้น เราจะมาเปิดหนังสือเล่ารายละเอียดภายในของเล่มนี้สักหน่อย บทแรกจะเป็นการเล่าเกี่ยวกับตัวตนของเราเอง บางคนต้องการใครสักคนมาปรับทัศนคติให้ก้าวไปข้างหน้าให้ได้ เอาชนะความกลัวของตัวเอง เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่านั้น หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เราก้าวข้ามเรื่องดังกล่าว บทที่สองสังคม บทนี้จะเล่าถึงการเข้าสังคม […]

ธรรมะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งในการดำเนินชีวิต สำหรับคนนับถือศาสนาพุทธแล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในการยึดเหนี่ยวจิตใจและชี้นำแนวทางการดำเนินชีวิตของตัวเอง หากเรามีธรรมะในใจอะไรก็ดีไปหมด เชื่อว่าอย่างนั้น แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีการเผยแพร่ธรรมะแบบยุค 4.0 ตามสื่อต่างๆ บนโลกโซเชียลก็ตามเพื่อให้ผู้ติดตามได้ศึกษาธรรมะได้ง่ายขึ้น แต่เรากลับมองว่าหนังสือธรรมะสอนใจยังช่วยดับทุกข์ทำให้จิตใจร่มเย็นได้มากอยู่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หนังสือทำให้เราเสพได้มากกว่า การได้นั่งอ่านหนังสือธรรมะ จะทำให้เราสามารถเสพธรรมะได้มากกว่า การเสพผ่านโลกออนไลน์เยอะเพราะอะไร การเสพธรรมะบนโลกโซเชียลก็ถือว่าดีทั้งแบบอ่าน หรือ ดูคลิป แต่หากเราเล่นโทรศัพท์ สิ่งเร้ามันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นแจ้งเตือนต่างๆ  ลองนึกภาพเรากำลังดูคลิปอยู่ แล้วมีแจ้งเตือนไลน์ เราก็ต้องกดไปดู จากนั้นก็ยาวไปเลย ไม่ได้ฟังธรรมะสักเท่าไร แต่หากเป็นหนังสือ เราจะอ่านได้ต่อเนื่องมากกว่า เสพธรรมะได้มากกว่า แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขไม่ได้มีโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ นะไม่งั้นก็มีค่าเท่ากัน การอ่านทำให้ได้ไตร่ตรอง แม้ว่าธรรมะจะเป็นเรื่องดี แต่มันก็เป็นเรื่องนามธรรม นั่นทำให้การตีความ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ของคนเราไม่เหมือนกัน การอ่านหนังสือธรรมะจะช่วยให้เราได้ไตร่ตรองสิ่งนั้นอย่างเต็มที่กว่า อย่างเช่น เราอ่านเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนเรื่อง อริยสัจ 4 การอ่านจะทำให้เราได้ไตร่ตรองว่าในชีวิตเรา อะไรเป็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แล้วจะแก้ไขอย่างไร จัดการอย่างไร ได้ผลมากกว่า รวมถึงเนื้อหาสอนใจอีกมากมายที่จะทำให้เราได้พินิจพิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้งกว่าเยอะ ซึ่งเมื่อได้ไตร่ตรองอย่างดีจะทำให้เราเข้าใจ และปฏิบัติตามได้ดีกว่า หนังสือช่วยเบี่ยงเบนปัญหา เวลาเราเจอปัญหา บางครั้งจิตใจเราจดจ่ออยู่กับปัญหามากเกินไปก็ทำให้ปัญหานั้นดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกก็ได้ […]

ช่วงนี้ปี 2019 มีหนังสือนิยายน่าอ่านออกกันมาเพียบเลย วันทางเราก็เลยถือโอกาสรวบรวมหนังสือนิยายที่น่าสนใจมาให้เพื่อนๆ ได้เลือกชมกันถึง 10 เล่มที่กำลังฮิตติดตลาดอยู่ในปัจจุบัน เรียกว่าถ้าไม่อ่านคุณอาจจะไปคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องกันเลยเชียว ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยกับรายชื่อนิยายยอดเยี่ยมประจำปี 2019 1.American Spy เรื่องราวของ Marie Mitchell สายลับหญิงผิวดำที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์คซิตี้ในระหว่างช่วงสงครามเย็น เธอถูกส่งไปแฝงตัวในประเทศแอฟริกาตะวันตกเพื่อการหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้นำเผด็จการพร้อมกับเครื่องมืดสุดไฮเทคที่สามารถเป็นวิทยุและกล้องถ่ายภาพได้ 2.The Ice Dragon เป็นโนเวลลาจินตนาการเด็กแต่งโดย George R. R. Martin แปลไทยโดยแพรวสำนักพิมพ์เมื่อวัน 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นการติดตามเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ Adara ซึ่งเป็นเพื่อนกับมังกรน้ำแข็งหลังจากการตายของแม่ของเธอ 3.The Wild Robot Escapes หนังสือขายดีของ New York Times ฉบับต่อของ “The Wild Robot” เรื่องราวของหุ่นยนต์ที่ติดมากับซากเรือพยายามเอาตัวรอดในป่า มีเพื่อนเป็นสัตว์นานาชนิด หุ่นยนต์ตัวนี้จะต้องพยายามอยู่รอดด้วยการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่นี้ให้ได้ 4.The Last Colony เมื่อเจ้าหน้าที่ John Perry กำลังปลดเกษียรจากกองกำลังของโคโลนีเพื่อไปใช้ชีวิตกับภรรยา Jane […]

เรื่องราวของพระพุทธมนต์ เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับพุทธศาสนาของเรามานาน แต่ละเรื่องนอกจากสอดแทรกความสนุกสนาน ปาฏิหาริย์ยังแทรกคุณธรรมในเรื่องไว้ด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งตำนานพระพุทธมนต์เราควรหาโอกาสศึกษาไว้ก็คือ 7 ตำนานแห่งพระพุทธมนต์ มีเรื่องอะไรบ้าง เราจะเล่าเรื่องย่อให้ฟัง มงคลสูตร เรื่องแรกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชมพูทวีปตอนนั้นมีข้อถกเถียงกันว่ามงคลคืออะไร จึงพากันไปถามพระพุทธเจ้า ท่านก็ได้ให้แนวทางคำตอบเกี่ยวกับ มงคลมา 38 ข้อ หรือก็คือ เรารู้จักกันในนามของ มงคล 38 ประการนั่นเอง ทั้งการวางตัว การประพฤติตัว และอีกมากมาย รัตนสูตร ตำนานเรื่องนี้เล่าถึงเมืองไพศาลีตอนนั้น เกิดภัยพิบัติฝนแล้งทำให้ประชาชนอดอยากลำบากเป็นอันมาก พระเจ้าแผ่นดินให้ประชาชนตรวจสอบว่าท่านผิดพลาดตรงไหนก็ไม่พบข้อผิดพลาดจึงขอความช่วยเหลือไปยังพระพุทธเจ้า จากนั้นพระพุทธเจ้าเรียกพระอานนท์ให้มาเรียนเรื่อง รัตนสูตร อันประกอบไปด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเผยแพร่ต่อไป กรณียเมตตสูตร พระสูตรตำนานเรื่องนี้เล่าถึง พระภิกษุ 500 รูป ได้มองหาพื้นที่สำหรับทำสมาธิ ปรากฏว่าชาวบ้านเห็นจึงเลื่อมใสหาที่อยู่ให้ แต่กลับไปทำให้เทวดาเดือดร้อนไม่มีที่อยู่ จนต้องออกมารบกวนพระภิกษุเหล่านั้นจนปฏิบัติธรรมไม่ได้ พระพุทธเจ้าทราบเรื่องจึงได้สอนเรื่องการวางตัวให้ซื่อตรง ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่หยิ่งยโส พระภิกษุเหล่านั้นก็นำไปทำตามจนปัญหาหมดไป ขันธปริตร เรื่องนี้เล่าถึงพระภิกษุรูปหนึ่งถูกงูกัดที่เท้าจนถึงแก่มรณภาพไป พระพุทธเจ้ารู้ถึงเหตุนี้จึงได้สอนให้พระภิกษุรู้จักแผ่เมตตาแก่งูเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก ธชัคคสูตร เรื่องนี้พระพุทธเจ้าเล่าให้ฟังเรื่องเกี่ยวกับการรบของเทวดากับอสูร การรบกันครั้งนั้นทำให้เกิดความหวาดกลัวไปทั่วทุกทิศทาง […]

เป็นความเชื่อที่ถูกสั่งสมกันมาอย่างยาวนานว่าการอ่านหนังสือที่ดีควรจะต้องเป็นพื้นที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ซึ่งตรงจุดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด เพราะต่อให้จะบอกว่าการอ่านหนังสือสามารถอ่านได้ทุกที่ก็ตามแต่การอ่านหนังสือในพื้นที่เหมาะสม มีแสงสว่างเพียงพอยังไงเสียก็ทำให้การอ่านหนังสือเป็นไปได้ด้วยดีมากกว่าอยู่แล้ว แม้ผลวิจัยที่ออกมาในปัจจุบันจะบ่งบอกว่าการอ่านหนังสือในที่มืดไม่ได้ทำให้สายตาสั้นอย่างที่คิด แต่ในเรื่องของข้อเสียด้านอื่นเกี่ยวกับการอ่านหนังสือในที่มืดก็ยังมีให้เห็นอีกหลายข้อ ผลเสียของการอ่านหนังสือในที่มืด ทำให้เกิดอาการปวดตา – เมื่อเราใช้สายตาเป็นเวลานานในพื้นที่ที่มีแสงสว่างน้อยจนเกินไป ทำให้สายตาต้องรับบทหนักในการทำงาน เมื่อเป็นเช่นนี้มันย่อมทำให้เกิดอาการปวดตาตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ซึ่งหากเป็นอาการแบบนี้บ่อยๆ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อสายตาในระยะยาวอย่างแน่นอน การเกิดภาพเบลอ หรือภาพซ้อนขณะอ่านหนังสือ – เป็นผลที่ส่งต่อมาจากเมื่อมีอาการปวดตาแต่ว่าเราเองก็ยังเลือกที่จะฝืนอ่านหนังสือในพื้นที่ที่มีแสงสว่างน้อยต่อไปก็จะทำให้เกดอาการภาพเบลอหรือเกิดภาพซ้อนขึ้นมาในสายตาเราได้ด้วย ทำให้อ่านหนังสือได้ช้าลง – จากที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะอ่านหนังสือได้ตามเวลาที่กำหนด แต่ถ้าหากเลือกอ่านในพื้นที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดอาการตาล้า ปวดตา ภาพเบลอต่างๆ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้การอ่านหนังสือทำได้ช้าลง อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแบบเต็มร้อย – การอ่านหนังสือในพื้นที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอนอกจากจะทำให้เกิดอาการเกี่ยวกับสายตาแล้ว ยังส่งผลไปถึงเรื่องของความเข้าใจในการอ่านหนังสือด้วย พูดง่ายๆ ก็คือเมื่ออ่านหนังสือได้ไม่เต็มที่จากอาการตาล้า ปวดตา มันก็ส่งผลไปยังการรับรู้ของสมองที่จะต้องเพ่งไปที่ตัวหนังสือมากขึ้น สมองในการรับรู้ก็จะทำงานได้ช้าลง เมื่อทำงานช้าลงความรู้ที่จะได้จากการอ่านหนังสือก็ได้ไปแบบไม่เต็มร้อย เกิดอาการตาแห้ง และความระคายเคืองได้ – จากการที่ต้องใช้สายตาด้วยสภาพแสงที่น้อยทำให้ตาเองต้องทำงานอย่างหนัก เมื่อทำงานหนักน้ำในตาที่คอยหล่อเลี้ยงให้สายตาชุ่มชื้นก็ทำงานมากขึ้นจนผลิตออกมาไม่ทัน ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้งหรือมีอาการระคายเคืองสายตาได้ ซึ่งแบบนี้มันย่อมไม่เป็นผลดีต่อการใช้สายตาอย่างแน่นอนทั้งตอนนี้ และในระยะยาว

วิธีการหนึ่งที่จะทำให้ได้รับการเรียนรู้ที่ดีที่สุดนั่นคือการอ่าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าการอ่านของทุกคนจะสามารถได้รับความรู้ที่เท่าเทียมกันเสมอไป มันขึ้นอยู่กับปัจจัยในหลายๆ ด้านของคนที่เลือกอ่านในสิ่งต่างๆ แม้จะเป็นการอ่านในเรื่องราวเดียวกัน หนังสือเล่มเดียวกัน แต่ความรู้ที่ได้ก็ยังต่างกันอยู่ชัดเจนเหมือนกัน ซึ่งประเด็นตรงจุดนี้สิ่งหนึ่งที่พอจะสรุปได้ก็คือ การเลือกจับใจความสำคัญของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการที่อยากจะอ่านอะไรก็ตามให้ได้ประโยชน์มากที่สุดจึงจำเป็นต้องรู้จักการจับใจความอย่างถูกวิธี เทคนิคการอ่านจับใจความให้ได้ความรู้มากที่สุด จริงๆ แล้วลักษณะของการอ่านจับใจความเพื่อให้การอ่านในแต่ละครั้งเกิดเป็นความรู้มากที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับการเลือกเอาวิธีการของแต่ละคนมาใช้แต่โดยพื้นฐานของการอ่านเพื่อจับใจความให้ดีสามารถเลือกทำได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ ต้องตั้งเป้าในจุดมุ่งหมายของอ่านให้ชัดเจนว่าเราต้องการอ่านหนังสือเรื่องนี้เพราะอะไร ต้องการอ่านเพื่อหาความรู้ ต้องการอ่านเพื่อจดจำส่วนสำคัญ หากว่ามีการตั้งเป้าหมายเวลาอ่านเราจะรู้ว่าควรสนใจตรงจุดไหนของเนื้อหามากที่สุด หากเป็นได้ให้ลองอ่านแบบคร่าวๆ ดูก่อนโดยยังไม่จำเป็นต้องจับประเด็นอะไรมาก ซึ่งความจริงแล้วเหตุผลที่ให้อ่านคร่าวๆ ก็เพื่อต้องการให้รู้ว่าเนื้อหาของเรื่องทั้งหมดมันครอบคลุมเกี่ยวกับอะไร เมื่อเรารู้เนื้อหาหรือแนวทางของเรื่องต่างๆ แล้วเราก็สามารถที่จะจับจุดได้ว่าตรงไหนเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดของเรื่องก็เลือกที่จะเน้นจับใจความตรงนั้นเป็นหลัก เวลาอ่านเรื่องราวใดๆ ก็ตามไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้สมองในการจดจำแทบทุกตัวอักษรของเรื่องราว เพียงแค่ให้เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดต้องการสื่อถึงอะไร พยายามจับประเด็นให้ได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องหรืออาจเรียกว่า จุดไคลแม็กซ์ของเรื่องมันอยู่ตรงไหน ก็จะทำให้การอ่านเกิดความรู้สูงสุด เรื่องราวที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยหรือไม่ได้เป็นสาระสำคัญมากนักก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเยอะ เพราะจะทำให้เป็นการหนักสมองสำหรับการจับใจความสำคัญของเรื่องไปเสียมากกว่า ตรงนี้สามารถสังเกตง่ายๆ คือ บริเวณไหนของเรื่องที่ถูกเขียนโดยไม่ได้มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับเรื่องมากนักก็จะทำให้รู้ว่ามันไม่ได้เป็นสาระสำคัญของเรื่อง สามารถสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องอิงคำพูดของเรื่องมาทั้งหมด เพียงแต่เมื่ออ่านจบแล้วสามารถบอกต่อกับคนอื่นได้ ถือว่าเป็นการอ่านแล้วจับใจความสำคัญได้อย่างประสบความสำเร็จ แถมนอกจากตัวเองจะได้ความรู้แล้วผู้อื่นก็ยังได้ความรู้เพิ่มเติมเข้าไปอีกด้วย