หนังสือที่ดีที่สุด ปรัชญาชีวิต+ทรายกับฟองคลื่น โดย คาลิล ยิบราน

Sand and Foam

คาลิล ยิบราน นักกวีผู้ได้รับการกล่าวขานจากทั่วโลกคือบุคคลที่นักอ่านหนังสือทุกคนต้องคุ้นเคยชื่อของเขาอย่างดี พื้นเพเป็นชาวคริสต์มารอไนต์ในเลบานอน แต่อพยพไปสหรัฐฯ ทำให้เขาได้รับการหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมตะวันตกกับตะวันออกกลางเข้าด้วยกัน ก่อนจะตัดสินใจย้ายกลับมายังบ้านเกิดในตะวันออกกลางอีกครั้ง หนังสือที่เขาแต่งมีความโด่งดังมากมายแต่ถ้าให้นึกชื่อแบบโดดเด่นสุดๆ คงต้องเป็นหนังสืออย่างปรัชญาชีวิตและทรายกับฟองคลื่น

หนังสือปรัชญาชีวิตโดย คาลิล ยิบราน

ปรัชญาชีวิต หรือ The Prophet คือหนังสือที่คนทั่วโลกการันตีว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดของ คาลิล ยิบราน เริ่มพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1923 ใครจะไปคิดว่าวันเวลาผ่านเนิ่นนานไปเกือบร้อยปีแต่เรายังสามารถพบเห็นหนังสือเล่มนี้ได้ตามแผงหนังสือทั่วไป ถูกแปลไม่ต่ำกว่า 50 ภาษา รวมถึงภาษาไทย ว่ากันว่าใครเคยมีโอกาสอ่านหนังสือปรัชญาชีวิตเล่มนี้จะต้องนึกถึงทำนองแห่งเสียงดนตรีที่บรรเลงในหัวไปพร้อมกับภาษาอันแสนสวยงาม ทำให้มีคนจำนวนมากบอกกันว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้ของ คาลิล ยิบราน ควรอ่านแบบช้าๆ ละเมียดละไม เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับการค่อยๆ ทานของอร่อยทีละคำเพื่อลิ้มรสชาติอันชวนทานตั้งแต่คำแรกไปจนถึงคำสุดท้ายกันเลย ลักษณะการเขียนของเขาค่อนข้างมีความละเอียดอ่อน มีแบบแผน ลีลาการเขียนงดงามดุจผีเสื้อโบยบินบนทุ่งดอกไม้ งดงามจนเกินคำบรรยายใดๆ จะทัดเทียมไม่แปลกที่จะบอกว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของ คาลิล ยิบราน

หนังสือทรายกับฟองคลื่นโดย คาลิล ยิบราน

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักกวีจอมปรัชญาคนหนึ่งอยู่แล้วสำหรับ คาลิล ยิบราน ดังนั้นหนังสืออีกเล่มที่ขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักและต้องหลงรักไปกับตัวหนังสือของเขาแน่ๆ นั่นคือ หนังสือทรายกับฟองคลื่น หนังสือเล่มนี้เปรียบได้กับปริศนาธรรมที่ต้องการให้คนอ่านได้ลองวิเคราะห์ดูเพื่อหาคำตอบให้เกิดขึ้นในดวงจิตของเรา หลายคนเมื่อนึกออกได้จะสัมผัสถึงความอัศจรรย์ใจในความหมายของชีวิตที่ตนเองกำลังมีอยู่ สัมผัสได้ถึงโชคลาภอันแสนวิเศษที่ได้มีโอกาสเกิดมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ใบนี้ ทริคสำหรับการอ่านหนังสือเล่มนี้คือหากอ่านเรื่องไหนแล้วยังไม่เข้าใจจงข้ามมันไปก่อนไม่ต้องไปสนใจย้อนกลับไปกลับมา เมื่ออ่านจนจบแล้วค่อยหวนกลับมาอ่านเรื่องไม่เข้าใจภายหลังแล้วทุกอย่างจะเข้าใจได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเราเองลึกซึ้งในสิ่งที่ คาลิล ยิบราน ต้องการจะบ่งบอกแล้วนั่นเอง